Friday, 1 July 2016

มะม่วงแก้วขมิ้น ขายส่ง

"ร้าน เพย-ออน"

เผยยอดขายมะม่วง

แก้วขมิ้นโต ปีละ 20%

"เพย เม้ง" พ่อค้าชาวกัมพูชา เปิดกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.โอ.แมงโก เพื่อดำเนินธุรกิจค้าขาย มะม่วงที่ตลาดไท ในชื่อ "ร้านเพย-ออน" โทร. (080) 456-8862, (084) 667-9666 เปิดเผยว่า ผมนำเข้ามะม่วงแก้วขมิ้นเข้ามาขายในเมืองไทย เมื่อ 4 ปีก่อน เพราะเป็นช่วงที่มะม่วงไทยขาดตลาด ปรากฏว่า คนไทยนิยมบริโภคมะม่วงแก้วขมิ้นกันมาก เพราะสีผลออกเหลืองน่ารับประทาน เนื้อกรอบ รสชาติเปรี้ยวน้อยกว่ามะม่วงไทย ผมจึงสั่งมะม่วงแก้วขมิ้นจากกัมพูชาเข้ามาขายอย่างต่อเนื่อง

คุณเพยมีเครือข่ายพ่อค้าในกัมพูชา ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตมะม่วงแก้วขมิ้นและส่งมาขายที่ตลาดไท วันละ 10 ตัน โดยขายส่งหน้าร้าน ปัจจุบันสินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปขายในตลาดภาคใต้ ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมซื้อมะม่วงแก้วขมิ้นเพื่อรับประทานเป็นผลสุก (ทางร้านบริการบ่มมะม่วงให้แก่ลูกค้า โดยคิดราคาบริการเพิ่ม ในอัตรา กิโลกรัมละ 1 บาท) ปกติ คนใต้นิยมมะม่วงผลสุกถึง 80% เดิมทีคนใต้นิยมรับประทานมะม่วงทองดำ แต่มะม่วงชนิดนี้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเพียงไม่กี่เดือนต่อปี ขณะที่มะม่วงแก้วขมิ้นมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเกือบตลอดทั้งปี ก็สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่

ร้านค้าแห่งนี้ แบ่งเกรดมะม่วงออกขายเป็น 2 เบอร์ คือ เบอร์เล็ก ขนาด 4 ลูก/กิโลกรัม ขายส่งประมาณกิโลกรัมละ 12 บาท และเบอร์ใหญ่ ขนาด 2-3 ลูก/กิโลกรัม ขายส่งในราคากิโลกรัมละ16-18 บาท ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้นิยมบริโภคมะม่วงแก้วขมิ้นผลใหญ่ บางครั้งมีลูกค้าส่งมะม่วงผลใหญ่ขนาด 2 ลูก/กิโลกรัม ส่งไปขายถึงมาเลเซีย ส่วนพ่อค้ารถเข็นผลไม้นิยมซื้อมะม่วงขนาดผลเล็ก

"ระยะแรกที่ผมเปิดตลาดแก้วขมิ้น ผมนำเข้ามะม่วงจากกัมพูชาเข้ามาขายเพียง 1 คันรถปิกอัพ แต่ปัจจุบันมะม่วงแก้วขมิ้นครองส่วนแบ่งตลาดมะม่วงไทยได้มากขึ้นเรื่อยๆ มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ต่ำกว่าปีละ 20% จุดแข็งของมะม่วงแก้วขมิ้น นอกจากความโดดเด่นในด้านรสชาติความอร่อย รับประทานสุกก็ได้ รับประทานดิบก็อร่อยแล้ว มะม่วงแก้วขมิ้นมีผลผลิตป้อนเข้าตลาดเกือบทั้งปี แถมมีปริมาณมาก ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มะม่วงแก้วขมิ้นก้าวเป็นผู้นำตลาดมะม่วงในเมืองไทยในทุกวันนี้" คุณเพย กล่าว

หากใครอยากรับประทานมะม่วงแก้วขมิ้นที่มีรสชาติอร่อย คุณเพย แนะนำว่า ให้เลือกซื้อมะม่วงแก้วขมิ้นที่มีผลแก่จัด ผิวสีเหลือง รสชาติจะไม่เปรี้ยวจัด หากเป็นมะม่วงผลแก่จัด ใช้เวลาเพียง 2-3 วัน เนื้อก็สุกพร้อมรับประทานได้แล้ว หากนำไปแช่น้ำแข็ง สามารถเก็บรักษาคุณภาพได้เป็นอาทิตย์ ส่วนมะม่วงอ่อน ไม่แก่จัด สังเกตได้ง่ายเพราะจะมีผิวเขียวใส เมื่อปอกเนื้อออกรับประทานจะมีรสชาติเปรี้ยวจัดจ้าน หากจะให้อร่อยก็ต้องรับประทานกับน้ำปลาหวาน หรือนำไปปรุงรสในลักษณะมะม่วงยำหรือส้มตำมะม่วง ก็จะเพิ่มรสชาติความอร่อยได้ตามที่ต้องการ

เครดิต คัดลอกบทความมาจาก http://info.matichon.co.th/

No comments:

Post a Comment